ระวังรังสี UV เมื่อต้องขับรถกลางแดด

ระวังรังสี UV เมื่อต้องขับรถกลางแดด

เพราะระหว่างที่เราขับรถ เราต้องสัมผัสกับรังสีต่างๆที่เข้ามาในรถอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะรังสีที่เรามองไม่เห็นและไม่รู้สึกถึงมัน อย่างเช่นรังสี UV ดังนั้นเราควร ระวังรังสี UV เมื่อต้องขับรถกลางแดด เพราะมันมีอันตรายกับผิวเราอย่างมาก และเราสามารถป้องกันได้

บ้านเราเป็นเมืองร้อน สภาพอากาศในแทบทุกฤดูอยู่ในเกณฑ์ร้อนถึงร้อนจัด โดยเฉพาะในฤดูร้อนแดดจะแรงมาก คนที่ต้องทำงาน ออกกำลังหรือทำกิจกรรมใดก็ตามท่ามกลางแสงแดดจัดจ้าจะต้องระมัดระวังร่างกาย ส่วนที่ต้องกระทบกับแสงแดดโดยตรง เพราะในแสงอาทิตย์มีรังสีอัลตราไวโอเลต หรือที่เรียกกันว่า แสงยูวี ซึ่งเป็นรังสีที่มองไม่เห็นและไม่สามารถรู้สึกได้ แต่หากได้รับรังสีดังกล่าวมากไป จะส่งผลเลวร้ายต่ออวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายทำให้เกิดโรคภัยตามมาได้

ทีมวิจัยจากวิทยาลัยเซนต์ หลุยส์ สหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาผู้ป่วยมะเร็งผิวหนัง 898 ราย แบ่งเป็นชาย 559 ราย และหญิง 339 ราย โดยพบมะเร็งทั้งสองข้างลำตัว จากการศึกษาลึกลงไป พบว่าผู้ชายมักเป็นมะเร็งข้างที่นั่งรับแดดขณะขับรถ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณศรีษะ คอ แขนและมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใช้ชีวิตหลังพวงมาลัยนานๆ และชอบเปิดกระจกขับรถจะเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังสูงขึ้น ทั้งนี้เพราะแสงยูวีเป็นอันตรายต่อผิวหนังนั่นเอง

รังสียูวีถูกแบ่งออกเป็น 3 ชนิด

  1. รังสียูวี-เอ เป็นรังสีที่มีพลังงานต่ำสามารถทะลุผ่านเข้าถึงผิวชั้นหนังและยังอาจส่งผลให้เกิดมะเร็งที่ผิวหนัง
  2. รังสียูวี-บี เป็นรังสีที่มีพลังงานสูง สามารถส่องตรงทำลายผิวชั้นหนังกำพร้า ทำให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น เกิดความหมองคล้ำ จุดด่างดำและฝ้าได้
  3. รังสียูวี-ซี เป็นรังสีที่อันตรายต่อผิวมากที่สุด แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านชั้นบรรยากาศโอโซนลงมาถึงผิวโลกได้

นอกจากแสงยูวีจะทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังแล้ว แสงยูวียังเร่งให้เกิดตาต้อกระจกเร็วขึ้นร้อยละ 5 และ ทำให้เกิดต้อเนื้ออีกด้วย เรื่องนี้กระทรวงสาธารณสุขของบ้านเราก็เคยออกมารณรงค์ให้ประชาชนสวมแว่นตา กันแดดเมื่ออยู่กลางแจ้งหรือกลางแดดจัด โดยเฉพาะผู้ขับรถกลางแดดจ้าควรสวมแว่นกันแดดเพื่อกรองแสง จะช่วยให้มองเห็นเส้นทางได้ชัดเจนถูกต้องมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันฝุ่นละออง และยังสามารถป้องกันแสงยูวีที่จะทำให้เกิดการเสียหายต่อสายตา กระจกตาได้อีกด้วย

ครับ/ค่ะ จากผลการศึกษาของสหรัฐอเมริกา ซึ่งบ้านเขาได้รับแสงอาทิตย์น้อยกว่าเรามาก หากเปรียบเทียบกับบ้านเราที่มีแดดแรงเกือบจะทุกฤดู  ก็ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังอันตรายจากแสงยูวีให้มากขึ้นอีกหลายสิบเท่า การทำงาน ออกกำลังกาย หรือขับรถท่ามกลางแสงแดดที่จัดจ้า

ควรปฏิบัติตนเอง ดังนี้

  • สวมเสื้อผ้าที่มิดชิด อย่าให้แสงกระทบผิวหนังโดยตรงเป็นเวลานานๆ และควรทาครีมป้องกันแสงยูวีทุกครั้งที่อยู่กลางแจ้งหรือออกนอกบ้าน
  • สวมแว่นตากันแดดทุกครั้ง ที่อยู่ในที่ที่มีแสงแดดจ้า โดยการเลือกแว่นตากันแดดที่มีเลนส์แว่นทึบแสงสีชา สีฟ้า สีดำ ไม่ควรใส่แว่นที่มีเลนส์สีฉูดฉาดในช่วงฤดูร้อน เพราะไม่มีผลในการป้องกันรังสียูวี การใส่แว่นป้องกันแสงยูวีนี้จะสามารถชะลอการเกิดโรคตาต้อกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ตาบอดมากถึงร้อยละ 70
  • ขับรถโดยปิดกระจกรถ อย่าให้แสงแดดส่องกระทบผิวหนังโดยตรงกระจกรถยนต์ที่ออกจากโรงงานส่วนใหญ่เคลือบสารป้องกันรังสียูวีชนิดบีแต่ยังไม่สามารถป้องกันรังสียูวี-เอ ได้ แต่สำหรับกระจกหน้ารถซึ่งทำจากกระจกลามิเนตจะสามารถป้องกันแสงยูวีได้ทั้งชนิดเอและบี หรือหากรถเก่าแล้วสารเคลือบต่างๆอาจหลุดลอกไป ก็สามารถติดฟิลม์หรือติดตั้งม่านรถเพิ่มเติมได้
  • การขับรถในขณะที่อากาศร้อนจัดจะเหนื่อยและเพลียง่าย ถ้าไม่เปิดแอร์รถยนต์ และถ้าหากเหงื่อออกมากควรดื่มน้ำทดแทนบ่อยๆ  อย่าให้ร่างกายรู้สึกกระหายน้ำ เพราะนั่นแสดงว่าร่างกายคุณกำลังเข้าสู่สภาวะที่อาจเป็นอันตรายได้ ทางที่ดีควรหยุดพักล้างหน้าให้สดชื่น และที่สำคัญควรดูแลแอร์รถยนต์ให้เย็นฉ่ำเสมอ จะช่วยให้ไม่เพลียง่ายในขณะขับรถ

ข้อมูลจาก Teenee
งานห้องสมุด โรงพยาบาลเลิดสิน